วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เรื่อง มัน มัน พื้นบ้านไทย


มันพื้นบ้านมีมาช้านานก่อนมันฝรั่ง มันเทศที่มาจากต่างประเทศ คนไทยจึงเรียกมัน ฝรั่ง มัน เทศ มันพื้นบ้านหลายชนิดของไทยอยู่ในสกุลใหญ่ Dioscorea สกุลนี้มีพันธุ์ย่อย ๆ กว่า 600 ชนิด ภาษาอังกฤษเรียกรวม ๆ ว่า yam มีรากมาจากภาษาแอฟริกาตะวันตกที่เรียกมันพื้นเมืองว่า nyamba อันแปลว่ากิน หัวใต้ดินของแยมเป็นส่วนหนึ่งของลำต้นเหมือนกับมันฝรั่ง มี หัวอากาศที่เป็นมีลักษณะคล้ายผลทำหน้าขยายพันธุ์หลังจากเถาว์หรือต้นแห้งตาย

มันพื้นบ้านของไทยจัดเป็นแยม มีที่สำคัญ อาทิ

มันเสา (Dioscorea alata ) สันนิษฐานว่ามีถิ่นดั้งเดิมในเมืองไทยหรือพม่า แล้วจึงแพร่เข้าไปทั่วเอเชีย ส่วนใหญ่เป็นหัวขนาดใหญ่ จึงเรียกว่า greater yam มันชนิดนี้มีรูปทรงแตก ๆ ต่างกันออกไป ทั้งแบบยาวตรง กลมรี นิ้วมือ ตัวยู ฯลฯ เคยมีผู้ค้นพบถึง 72 แบบ จึงเรียกไปตามลักษณะหัว เช่น มันงู มันมะพร้าว มันมือหมี มันเหลือง มันเขาวัว มันหวาย ฯลฯ

มันมือเสือ ( Dioscorea alata) หัวมีขนาดเล็กกว่ามันเสา จึงเรียกว่า lesser yam ถิ่นดั้งเดิมมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หัวหยัก ๆ คล้ายอุ้งเท้าเสือ จึงชื่อมันมือเสือ ชาวบ้านบางคนเรียกชื่อต่างออกไปบ้าง เช่น มันอ้อน มันมุ้ง มันจ้วก ฯลฯ แต่ชื่อมันมือเสือเป็นที่รู้จักทั่วไปมากกว่าใคร มันมือเสือเนื้อเหนียวดี นิยมนำมาซอยทำแกงเลียง หรือจะใช้แทนมันฝรั่งในแกงกะหรี่ แกงมัสมั่นก็อร่อยดี

มันนก (Dioscorea pentaphylla L.) หัวขนาดไม่ใหญ่มาก หาได้ง่ายมากแถวภาคอีสานทั่วไปครับโดยเฉพาะ หน้าประเพณีบุญข้าวสาก ลักษณะใบเป็นใบประกอบ มี 5 ใบย่อย ใบหนา ปลายใบบิดเป็นคลื่น เถาว์ไม่มีหนาม เนื้อเหนี่ยวนิ่ม มีกลิ่นหอม

มันขมิ้น (Dioscorea bulbifera) ชาวบ้านเรียกว่ามันเหน็บ มันอีโม้ ฯลฯ มันขมิ้นมีทั้งหัวใต้ดินและบนกิ่งติดกับลำต้น หัวบนกิ่งจะกลมหรือเป็นรูปไตผิวเรียบเป็นสีน้ำตาล เนื้อในสีเหลืองอ่อน หัวบนดินนำมาปรุงธรรมดาก็กินอร่อย แต่หัวใต้ดินแข็งมาก ต้องแช่น้ำเสียก่อนจึงนำมาปรุงได้

มันเลือด (Dioscorea pentaphylla) เนื้อมีสารสีม่วงกระจายเป็นหย่อม ๆ เมื่อต้มสุกแล้วเนื้อก็ยังออกสีม่วง ดูแปลกตา
เนื้อร่วนซุยเหมือนเนื้อเผือก

กลอย (Dioscorea hispida) หัวใต้ดินกลมรี มีรากเล็กๆกระจายทั่ว มี 3-5 หัวต่อต้น เปลือกบาง สีน้ำตาลออกเหลือง เนื้อในหัวสีขาวหรือสีเหลือง ลำต้นเลื้อยพันต้ไม้อื่น มีหนามเล็กๆกระจายทั่วไป มีขนนุ่มสีขาวกลอยก็เป็นมันป่าอีกชนิดหนึ่งที่คนเรานำมารับประทาน แต่ต้องผ่านกระบวนการที่ถูกต้องเพราะในหัวกลอยบางชนิดมีแคลเซียมออกซาเลต ทำให้ระคายเคือง บางชนิดมีซาโปนิน มีฤทธิ์ทำลายเม็ดเลือด มีสารไดออสโครีน (Dioscorine) ทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เป็นอัมพาต ละลายน้ำได้ดี รสเบื่อเมา จึงต้องล้างสารนี้ออกจากกลอยก่อนนำไปบริโภค นิยมนำไปแช่ไว้ในธารน้ำไหลเป็นเวลา 1 คืน หรือนานกว่านี้ ชาวซาไกใช้น้ำแช่หัวกลอยผสมกับยางของยางน่องใช้เป็นยาทาลูกธนู ในอินเดียใช้หัวกลอยเป็นยาฆ่าเหา และเบื่อปลา ใช้น้ำแช่หัวกลอยมาฉีดฆ่าแมลงจำพวกหนอน กลอยดิบตำให้ป่นใช้พอกแผลวัวควายเพื่อฆ่าหนอนในแผล หัวกลอยที่ล้างพิษหมดแล้ว ปรุงเป็นยาแก้เถาดานในท้อง นำหัวกลอยมาปรุงเป็นน้ำมันใส่แผลฝีหนอง

มันอ้อน หัวใต้ดินของ "มันอ้อน"
นำมาต้มทานแล้วเนื้อมีเสี้ยนมากนิยมมากในภาคอีสาน

มันพร้าว รสอร่อย เนื้อสีขาวกรอบ ไม่เหนียวนุ่มและหวานเท่ามันมือเสือ หัวกลมขนาดลูกมะพร้าวปอกเปลือก
สีผิวสีน้ำตาล มีขนหรอมแหรม

นอกจากที่กล่าวมายังมีอีกหลายชนิด
เช่น มันข้าวกร่ำ มันหัวช้าง มันมือหมี มันเห็บ

การขยายพันธุ์

หัวอากาศ ที่มีความสมบูรณ์ไปแช่น้ำประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นนำหัวมันไปแช่ในสารป้องกันและกำจัดแมลง, เชื้อราและฮอร์โมนเร่งรากนานประมาณ 5 นาที แต่สำหรับผมก็แนะนำให้แช่น้ำกะปิและคลุกด้วยขี้เถ้า หลังจากนั้นนำหัวพันธุ์มันมาผึ่งลมให้แห้งและนำไปชำลงในถุงชำดำขนาด 3x7นิ้ว วัสดุที่ใช้ชำหัวมันแนะนำให้ใช้ ขี้เถ้าแกลบ:ดินร่วน:ทรายหยาบ สัดส่วน 1:1:1 กลบหัวมันให้มิดหัวพอดีและนำไปไว้ในโรงเรือนที่มีตาข่ายพรางแสงประมาณ 50% รดน้ำเช้าหรือเย็นเพียงวันละครั้ง หมั่นสังเกตอย่าให้วัสดุในถุงชำแห้ง หลังจากชำหัวมันไปนานประมาณ 45 วัน จะสังเกตมีการแตกยอดนำไปปลูกลงแปลงได้

ในพื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกมันพื้นบ้านได้ประมาณ 2,000 หลัก โดยใช้ระยะปลูกระหว่างต้นเฉลี่ย 75 เซนติเมตรและระยะระหว่างแถว 1 เมตร นำต้นกล้าลงปลูกและกลบดินให้แน่นหลังจากนั้นให้นำไม้ไผ่ลวกขนาดกลางหรือขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางลำเฉลี่ย 0.5-1 นิ้ว และไม้ไผ่มีความยาวเฉลี่ย 2-2.5 เมตร เสี้ยมปลายไม้ให้แหลมและปักลงไปข้างต้นมันพื้นบ้านให้ห่างจากต้นมันประมาณ 10-15 เซนติเมตร เพื่อให้ต้นมันเลื้อยขึ้นไป

ประโยชน์

มันพื้นบ้านสกุลแยมมีแป้งสูงกว่ามันฝรั่งและมันเทศ ส่วนใหญ่ไม่มีรสหวาน โดยเฉพาะมันเสาจะมีทั้งคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนสูงกว่ามันอื่น ๆ ปัจจุบันมันพื้นบ้านหรือมันป่าของไทยได้รับความสนใจจากผู้บริโภคที่รักสุขภาพมากขึ้นในทางวิทยาศาสตร์ได้มีการวิเคราะห์พบว่า มีสารหลายชนิดที่อยู่ในมันพื้นบ้านมีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์มากมายที่เห็นชัดเป็นรูปธรรมและวงการแพทย์ทั่วโลกต่างยอมรับก็คือ มีสรรพคุณในการรักษาระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนของสตรีวัยหมดประจำเดือน นอกจากนั้นในพื้นบ้านยังอุดมไปด้วยธาตุแคลเซียม, แมกนีเซียม, โพแทสเซียม, วิตามินซีและกรดโฟลิก เป็นต้น มันพื้นบ้านจัดเป็นอาหารที่อยู่คู่คนไทยมานาน แต่คนไทยในชนบทส่วนใหญ่จะบริโภคมันพื้นบ้านที่ขุดขึ้นมาจากธรรมชาติหรือปลูกแซมในสวนหลังบ้าน ไม่ได้มีการพัฒนารูปแบบการปลูกในเชิงพาณิชย์ ทั้ง ๆ ที่ในปัจจุบันมันพื้นบ้านจัดเป็นของหายากและมีราคาซื้อ-ขายสูงมาก มีราคาแพงกว่ามันเทศและมันฝรั่งด้วยซ้ำไป เช่น มันอ้อนและมันนก
ที่เนื้อมีความเหนียวและรสชาติอร่อยมาก
ราคาขายถึงผู้บริโภคเฉลี่ยกิโลกรัมละ 50 บาท
ถ้ามองเชิงพืชเศรษฐกิจ มันพร้าว มันเลือด
มันมือเสือ มันสามชนิดนี้ ปลูกแบบทิ้งขว้างไม่ดูแล
ในดินร่วนทรายอีสานธรรมดา ได้ผลผลิตประมาณ 9 ตันต่อไร่
โดยไม่ต้องใส่ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง หรือทำหญ้า

ขอขอบพระคุณภาพและข้อมูลจาก
@ ฟาร์มสุข สวนกระแส farmsuk Suangrasae
แอดมินเพจ อาหารไทย Thai food ขออนุโมทนาสาธุ

https://m.facebook.com/123965481011924/photos/a.283243018417502/637670556308078/?type=3

ไม่มีความคิดเห็น: