วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2563

เกษตรปรับวิธีการเยี่ยมเยียนเกษตรกรช่วงโควิด19


การส่งเสริมการเกษตร ทั้งเจ้าหน้าที่และเกษตรกรจะต้องมีการทำความเข้าใจถึงบทบาทและภารกิจของกันและกัน เพื่อให้สามารถร่วมกันพัฒนางานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ได้สำเร็จตามเป้าหมาย ช่วงนี้เกิดภาวะการระบาดของโรคโควิด19 กรมส่งเสริมการเกษตรมีการปรับปรุงวิธีการส่งเสริมการเกษตรที่พี่น้องเกษตรกรจะต้องศึกษาและรับทราบในแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรของทุกอำเภอทั่วประเทศ แบบรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ครั้งนี้จะเสนอเรื่องการเยี่ยมเยียนเกษตรกรตามระบบส่งเสริมการเกษตร เพื่อสร้างการรับรู้แก่เกษตรกรและประชาชนทั่วไปว่าเจ้าหน้าที่เกษตร เขาทำอะไรบ้าง ทำกันอย่างไร แล้วเราจะรับบริการอย่างไรให้ปลอดภัยจากโควิด19
       การเยี่ยมเยียนเกษตรกรตามระบบส่งเสริมการเกษตร เป็นการปฏิบัติงานร่วมกับเกษตรกรทั้งในลักษณะกลุ่มและรายบุคคล โดยมีการนัดหมายวัน เวลา และสถานที่ที่ชัดเจน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรมีการจัดทำแผนพัฒนาตนเอง จัดให้มีการถ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยีที่เหมาะสมให้กับ เกษตรกร ติดตามผลการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ และแก้ปัญหาของเกษตรกร ตลอดจนเป็นการประสาน การบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนโดยยึดพื้นที่เป็นเป้าหมายร่วมกัน ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลต่อการดำเนินงานตามระบบส่งเสริมการเกษตรในทุกระดับ จึงมีความจำเป็นต้องปรับวิธีการเยี่ยมเยียนให้เหมาะสมกับ สถานการณ์ดังกล่าว โดยมีการเตรียมการก่อนการเยี่ยมเยียน การเยี่ยมเยียนเกษตรกร การสรุปผลการเยี่ยมเยียน ซึ่งในการเตรียมการก่อนการเยี่ยมเยียน  สำนักงานเกษตรอำเภอจัดประชุมทุกวันจันทร์ ณ สำนักงานเกษตรอำเภอ จะต้องปฏิบัติตามประกาศกรมส่งเสริมการเกษตร เรื่อง มาตรการและการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ ใหม่ 2019 (COVID-19)และข้อสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัด หรือประชุมทางไกลผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น Line group Zoom ฯลฯ เพื่อร่วมกันสรุปผลการทำงานในสัปดาห์ที่ผ่านมา และกำหนดเป้าหมายในการทำงานส่งเสริมการเกษตรที่ชัดเจน จัดลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนของงาน โดยวิเคราะห์จากสถานการณ์ ประเด็นเร่งด่วน (Hot Issue) ที่จะต้องดำเนินการในพื้นที่ ณ ช่วงเวลานั้นๆ เช่น ภัยแล้ง การระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืชการกระจายผลผลิตฯลฯ  ข้อมูล คน พื้นที่ สินค้า โดยใช้ข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ ข้อมูลด้านกายภาพ ชีวภาพ เศรษฐกิจ สังคม รวบรวมเฉพาะข้อมูลสำคัญและจำเป็นในการนำมาใช้ โดยยึดพื้นที่เป็นเป้าหมาย ในการปฏิบัติงาน กลุ่มเป้าหมาย และกลไกการทำงานในพื้นที่เช่น ผู้นำเกษตรกร ผู้นำชุมชน อกม. ศพก. แปลงใหญ่ SF YSF ฯลฯ จากนั้นนำข้อมูลมาประมวลผลโดยใช้เทคนิควิธีการต่าง ๆ ตามที่เหมาะสม เช่น การ ซ้อนทับข้อมูลแผนที่/ข้อมูลภาพ สังเคราะห์ข้อมูล ให้ได้ทิศทาง/แนวทางการทำงาน ในลักษณะกรอบแนวคิด ว่า ทำไมต้องทำงานนี้ จะทำงานนี้กับใคร ใช้วิธีการใด จะต้องสื่อสารผ่านช่องทางใด หรือสื่อสารผ่านกลไก การทำงานใด ทั้งนี้ ให้ยึดหลักการมีส่วนร่วมของเกษตรกร ชุมชน และหน่วยงานภาคีต่าง ๆ โดยเน้นการสื่อสาร และการเข้าถึงข้อมูลจากระยะไกล การเยี่ยมเยียน (VISIT) สำนักงานเกษตรอำเภอจัดทำ จัดหา รวบรวมชุดองค์ความรู้จากแหล่งต่าง ๆ ที่เหมาะสม กับสถานการณ์ในพื้นที่เพื่อใช้ในการเยี่ยมเยียนและถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกร จัดทำแผนเยี่ยมเยียน  กำหนดช่วงเวลา ประเด็นช่องทาง และ วิธีการ ในการเยี่ยมเยียนประสานหน่วยงานภาคี และทำการนัดหมายเกษตรกรผ่านกลไกการทำงานในพื้นที่ เพื่อให้รับทราบกำหนดการเยี่ยมเยียนโดยทั่วถึงกัน
          การเยี่ยมเยียนเกษตรกร การถ่ายทอดข้อมูลข่าวสาร และความรู้แก่เกษตรกรแบบรายเดี่ยว ให้ติดต่อสื่อสารกับเกษตรกรผ่านทางโทรศัพท์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น Line , Facebook เป็นหลัก หากเป็นประเด็นเร่งด่วน (Hot Issue) ให้พบปะเกษตรกรแบบ face to face  การเยี่ยมเยียนแบบรายกลุ่ม ให้ใช้โซเชียลมีเดียต่างๆ ในการถ่ายทอดความรู้ เช่น Facebook live Line group Youtube ฯลฯ หากกลุ่มเป้าหมายมีจำนวนไม่มาก สามารถจัดประชุม/อบรมได้ ให้ปฏิบัติตาม มาตรการป้องกันฯ การเยี่ยมแบบมวลชน ให้สื่อสารข้อมูลข่าวสาร ผ่านกลไกการทำงานในพื้นที่ และผู้นำชุมชนเป็นหลัก เพื่อให้ถ่ายทอดข้อมูลไปสู่เกษตรกร  หรือใช้หอกระจายข่าวในชุมชนเป็นช่องทางหนึ่งในการสื่อสารข้อมูลสู่เกษตรกรในพื้นที่ ในการให้บริการและแก้ไขปัญหาทางการเกษตร สร้างการรับรู้ให้เกษตรกรหลีกเลี่ยงการมาใช้บริการที่สำนักงานฯ โดยให้มีการใช้ แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เช่นFarm book ในการปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกร ใช้ช่องทางโทรศัพท์ โซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Line , Facebook ในการให้ คำปรึกษา แนะนำ การทำการเกษตร  ส่วนการให้บริการเกษตรกรที่สำนักงานเกษตรอำเภอและสำนักงานเกษตรจังหวัด จะต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันฯ อย่างเคร่งครัด ได้แก่ ลงชื่อเกษตรกรที่เข้าใช้บริการทุกครั้ง (ระบุวันที่ใช้บริการ ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทร และอื่น ๆ) จัดเจลแอลกอฮอล์ หรือสบู่ สำหรับล้างมือให้เกษตรกรล้างมือก่อนเข้ารับบริการ  ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรสวมหน้ากากอนามัยเมื่อเข้ามารับบริการที่สำนักงานฯ จัดเจ้าหน้าที่เพื่อวัดอุณหภูมิของเกษตรกรก่อนเข้ารับบริการ ดำเนินการให้บริการตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อย่างเคร่งครัด  กำหนดจำนวนเกษตรกรที่เข้ารับบริการในแต่ละวัน ตามความเหมาะสมของ แต่ละหน่วยงาน  และให้มีการสรุปผลการเยี่ยมเยียนผ่านกลไกการทำงานในพื้นที่หรือใช้ช่องทางโทรศัพท์ และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น Line , Facebook live ฯลฯ เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ ร่วมกันสรุปบทเรียนการเยี่ยมเยียน โดยใช้หลักวิธี AAR (After Action Review) เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา และหาความต้องการสนับสนุนจากสำนักงานเกษตรจังหวัด สะท้อนปัญหา และความต้องการสนับสนุนที่ได้จากการ เยี่ยมเยียนในเวทีการประชุมVideo Conference ให้หน่วยงานในส่วนกลางรับทราบ และช่วยในการแก้ไขปัญหา


ที่มา : คู่มือการดำเนินการระบบส่งเสริมการเกษตร (T&V System)ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เมษายน 2563

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2563

3 ปฏิบัติกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง


ติดตามการใช้ประโยชน์ที่ดินราชพัสดุ ที่กรมส่งเสริมการเกษตรมอบให้ สสก.3 ระยอง เป็นผู้ดูแล







วันที่ 23 เมษายน 2563 นายดำรงฤทธิ์ หลอดคำ ผูู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง พร้อมด้วย นางสาววรนุช สีแดง นายณัทธร รักษ์สังข์ นางสาวนคร คมกล้า ติดตามการใช้ประโยชน์ที่ดินราชพัสดุ  ที่กรมส่งเสริมการเกษตรมอบให้สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง เป็นผู้ดูแลการใช้ประโยชน์ ณ บริเวณอ่างเก็บน้ำหนองค้อ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยได้ดำเนินการลงสำรวจพื้นที่ และมีการประชุมหารือร่วมกันในการวางแผนการใช้ประโยชน์ของที่ดินฯ ดังกล่าว โดยมีเกษตรจังหวัดชลบุรี(นายจำลอง พุฒซ้อน ) หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิตจังหวัดชลบุรี   เกษตรอำเภอศรีราชา ผูู้อำนวยศูนย์ขยายพันธ์พืชที่ 1 ชลบุรี และ ผูู้อำนวยศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดระยอง  ร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางการใช้ที่ดินฯ ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้จัดทำเป็นโครงการแปลงแม่พันธุ์มันสำปะหลังปลอดโรค เพื่อสนับสนุนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโรคใบด่างมันสำปะหลัง และให้สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง เป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 1 ชลบุรี เป็นหน่วยปฏิบัติการ โดยมีศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดระยอง สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี สำนักงานเกษตรอำเภอศรีราชา เป็นหน่วยสนับสนุนการดำเนินงาน 

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2563

‼️ ตรวจสอบว่าคุณเป็นเกษตรกรรึเปล่า ‼️

‼️ ตรวจสอบว่าคุณเป็นเกษตรกรรึเปล่า ‼️

------------------------------------------------------------------
▶️ การตรวจสอบว่าคุณเป็นเกษตรหรือไม่ (คนที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้แล้ว) สามารถตรวจสอบได้จาก Link นี้

▶️  http://farmer.doae.go.th/index/index/2

🔽🔽 คลิก 🔽🔽

1. ตรวจสอบสถานะความเป็นเกษตรกรและสมาชิกครัวเรือน

2. กรอก เลขบัตรประชาชนของคุณ

3. หน้าจอจะแสดงผลว่าคุณขึ้นทะเบียนเกษตรกรรึเปล่า

วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563

เกษตรภาคตะวันออก ร่วมประชุมconference พร้อมเตรียมนำแนวทางการดำเนินงานต่างๆ ไปปรับใช้ ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19




วันที่ 10 เมษายน 2563 เวลา 09.30 น. นายดำรงฤทธิ์ หลอดคำ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง พร้อมเจ้าหน้าที่ฯ ร่วมประชุมผ่านทางไกล conference กำกับ ติดตาม และรายงานผลการดำเนินงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่วนภูมิภาค ครั้งที่ 2 ณ ห้องประชุมสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง

การขับเคลื่อนการดำเนินงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
ด้านการให้บริการกับเกษตรกรที่มารับบริการที่สำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานเกษตรอำเภอ โดยแนะนำให้ใช้แอพพลิเคชัน Farmbook ในการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร  สถานการณ์และปัญหาในการจำหน่ายสินค้าเกษตรออนไลน์ โครงการส่งเสริมตลาดเกษตรออนไลน์ ซึ่งกำลังจะเปิดเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ปัญหาจากการปฏิบัติงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19  รวมทั้งการปรับรูปแบบกิจกรรม วิธีการดำเนินงาน และเป้าหมาย ภายใต้โครงการต่างๆ ซึ่งมีผู้อำนวยการกลุ่ม หัวหน้าฝ่าย และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมประชุมพร้อมนำแนวทางการดำเนินงานต่างๆ ไปปรับใช้

ภาพ/ข่าว ผกาพันธุ์ ละมัย

วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2563

เกษตรฯ นัดคณะกรรมการ Fruit Board ประชุมครั้งที่ 3/2563 หารือแนวทางบริหารจัดการการขนส่งผลไม้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19




วันที่ 8 เมษายน 2563 นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ครั้งที่ 3/2563 ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 134-135 โดยมีนายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ Fruit Board พร้อมด้วยนายทวี มาสขาว รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางบริหารจัดการการขนส่งผลไม้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีความห่วงใยเรื่องดังกล่าว พร้อมกำชับให้หน่วยงานในสังกัดเร่งหามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร

นอกจากนี้ คณะทำงานจัดทำข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจยังได้รายงานและติดตามสถานการณ์ผลไม้ภาคเหนือ และภาคตะวันออก รวมทั้งติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ที่มีต่อผลไม้ไทย โดยเฉพาะมะม่วงซึ่งผลผลิตออกมามากในระยะนี้และมีปริมาณการส่งออกไปญี่ปุ่น เกาหลี ประมาณ 12,000-15,000 ตัน รวมทั้งผลไม้อื่น ๆ ที่จะทยอยออกสู่ตลาด เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ เป็นต้น โดยการขนส่งผลไม้ทางอากาศ จะขอสนับสนุนค่าชดเชยการระวางสินค้า กิโลกรัมละไม่เกิน 15 บาท ให้แก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป้าหมาย 4,400 ตัน เป็นเงิน 66 ล้านบาท การขนส่งทุเรียนทางเรือไปญี่ปุ่นและจีน คาดว่ายังสามารถส่งไปได้ แต่อาจใชัเวลาและขั้นตอนในการตรวจเอกสาร การตรวจสุขภาพเพิ่มขึ้น ส่วนการขนส่งภายในประเทศทางรถยนต์ประสบปัญหาใช้เวลาเพิ่มขึ้น 1-2 วันในแต่ละด่านตรวจสินค้า จึงขอให้หน่วยงานรวบรวมสินค้าในลักษณะตลาดกลาง หรือเป็น Hub เพื่อกระจายผลผลิตภายในประเทศ รวมทั้งขอความร่วมมือบริษัทเอกชนต่างๆ ช่วยลดราคาค่าขนส่งผลไม้ลง เพื่อเร่งกระจายผลผลิตสู่การค้าออนไลน์ และเตรียมทำบันทึกข้อตกลง (mou) ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในการกระจายผลผลิตไปยังแหล่งต่างๆ วันที่ 9 เมษายน นี้

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2563

ทำอะไรให้เพลิดเพลินช่วงอยู่บ้านยามวิกฤติโควิท19



จากการติดตามการเสวนา การสนทนา การโพสต์ระบายความในใจของหลายคนในสื่อออนไลน์ พบว่ายังหากิจกรรมทำกันไม่ได้สำหรับพี่น้องที่อยู่ในบ้านพักแถบเมือง ในชนบทไม่น่าเป็นห่วง เพราะมีที่ดิน มีสวน มีไร่ มีนา ให้ได้เข้าไปจัดการได้ แต่สำหรับคนเมืองแล้วพื้นที่จำกัด ไม่รู้จะทำอะไรดี วันนี้ไม่ต้องทำอะไรมากและง่าย ๆ ที่สุดพอจะมีที่ดินสัก 1-2 ตารางเมตร ข้างบ้าน หน้าบ้าน หรือหลังบ้านไหม ถ้ามีแม้แต่เป็นที่คอนกรีตก็สามารถปลูกต้นไม้ ได้ จะแนะนำปลูกต้นมะนาวในวงล้อยางรถยนต์กัน เริ่มต้นกันอย่างไร เอาเป็นว่าจะลำดับเป็นข้อ ๆ ให้ง่ายต่อการนำไปปฏิบัติละกัน

1) ไปหาซื้อล้อยางรถยนต์จะเป็นรถเก๋ง รถกะบะ ก็ได้ ยกไม่หนักแรงเท่าไหร่ หามาสัก 4 ล้อ แล้วนำมาปาดขอบยางออกข้างหนึ่งด้วยมีดคัตเตอร์ วิธีการปาดสามารถหาดูได้ในคลิปวีดีโอในยูทูป มีการสาธิตแนะนำไว้หลายคลิปด้วยกัน เปิดดูแล้วดูอีกกี่รอบก็ได้  พอเข้าใจวิธีก็ลงมือทำด้วยตัวเอง แนะนำแบบไม่ต้องไปจ้างเขาทำให้เปลืองเงิน ตั้งใจให้ท่านใช้เวลาลงมือทำด้วยตนเองจะช่วยให้ท่านมีทักษะ มีความภาคภูมิใจในตัวเอง ว่าเราก็ทำได้นี่หว่า ดีจังเลย

2) หาดินร่วน ปุ๋ยคอกเก่า ๆ แกลบเก่าๆ หรือจะเป็นขุยมะพร้าว ถ้าหาแกลบไม่ได้ อันนี้หากได้จากเพื่อน ๆ นอกเมืองหน่อย เขาเลี้ยงสัตว์ ก็มีปุ๋ยคอก แบ่งปันกันได้อยู่มั่ง ถ้าไม่มีจริง ๆ ก็ลงทุนนิดหน่อยไปซื้อหาตามร้านขายต้นไม้พันธุ์ไม้ หรือวัสดุการเกษตรทั่วๆ ไป คำนวณดูว่าเอาผสมกันแล้วจะได้ประมาณ 4 กระสอบปุ๋ย แต่ไม่แนะนำซื้อมาแบบใส่กระสอบปุ๋ยมาเลยนะ ท่านคงยกไม่ไหว หาใส่ถุงขนาด 5 กิโลกรัม หรือ 10 กิโลกรัม ก็ได้พอยกขนมาที่บ้านได้สะดวก

3) ทำการผสมดินปลูกอัตราส่วนผสม ดินร่วน ปุยคอก แกลบ(ขุยมะพร้าว) อัตรา 1 : 1 : 1 ผสมเสร็จก็เอาใส่ในวงล้อรถยนต์ที่วางซ้อนกันจำนวน 4 วงล้อ ในให้เต็ม กดให้แน่น แล้วรดน้ำให้ชุ่ม สัก 2 วัน อย่างเพิ่งเอาต้นไม่มาปลูกนะ ให้ดินผสมปรับสภาพสักหน่อย เพราะเราเอาวัสดุปุ๋ยคอกมาผสมดิน จะเกิดการหมัก มีความร้อน ทำให้รากต้นไม้ที่เราเอามาปลูกตายนึ่งได้ อันนี้หลายคนคงเคยเจอมาแล้วว่าทำไมเราปลูกต้นไม้ไม่โตสักที ทั้งที่รดน้ำใส่ปุ๋ยเหมือนของคนอื่น

4) มาถึงการปลูกต้นมะนาว หากิิ่งพันธุ์มะนาว อาจจะเป็นพันธุ์ในท้องถิ่น หาซื้อได้สะดวก หรือเพื่อนๆ ที่ติดต่อกันอยู่มีก็ขอแบ่งปันกันมาปลูกได้ พันธุ์ที่ผู้เขียนปลูกแล้วดกมีกินตลอดปีคือพันธุ์สายน้ำผึ้ง แต่หลายคนชอบปลูกพันธุ์มะนาวแป้นพิจิตร สรุปว่าแล้วแต่ว่าใครจะชอบพันธุ์อะไรก็หาพันธุ์นั้นมาปลูกได้
การปลูกเอามือหรือพลั่วคุ้ยดินตรงกลางวงล้อรถยนต์ที่เราเอามาใส่แล้วรดน้ำทิ่้งไว้อย่างน้อย 2 วันแล้ว ให้ดินลึกลงพอกับขนาดดินในถุงชำมะนาวที่เราซื้อมา วางต้นมะนาวลงในรูที่เราเจาะ แล้วเอาดินมาใส่กลบให้พออยู่นะ ไม่ต้องแน่นมาก บางคนคนจนแน่นรากต้นมะนาวช้ำ ขาดไป ก็โตช้าหรืออาจจะตายไปเลยก็ได้  เสร็จแล้วก็หาไม้ไผ่ หรืออะไรก็ได้ที่ปักลงในดินแล้วสามารถมัดกับต้นมะนาวกันลมโยกต้น การมัดก็มัดพอดีๆ อย่าแน่นจนทำลายเนื้อผิวเปลือกกิ่งมะนาวก็แล้วกัน

5) หลังจากปลูกเสร็จก็ให้รดน้ำทุกวัน รดน้ำแนะนำให้รดตอนเช้าเท่านั้น ตอนเย็นไม่ต้องขยันรดหรอก เพราะตอนเย็น ต้นไม่ไม่ต้องการน้ำแล้ว ให้น้ำไปพืชก็ไม่ใช้เกินความต้องการ ต้นไม่ก็จะเกิดโรครากเน่าโคนเน่าได้อีก การให้น้ำหรือการรดน้ำแต่ละครั้งก็พอดีๆ ไม่ต้องรดจนน้ำล้นออกนอกต้น นอกวงล้อยางรถยนต์

6) การให้ปุ๋ยก็ใช้ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก มาใส่น้อยๆ แต่บ่อยครั้งยิ่งดี ผู้เขียนใช้ปุ๋ยจากตัวคือน้ำปัสสาวะสดๆ นี้แหละเอามาใส่แล้วรถน้ำตาม ใส่อาทิตย์ละครั้ง รับรองว่าต้นมะนาวใบเขียว เจริญเติบโตดีมากๆ ไม่กี่วันก็ติดลูกออกผลให้ได้กิน หากสามารถหาดินขุยไผ่มาใช้ได้ก็จะดีมากๆ เอามาเติมในวงล้อเมื่อเห็นว่าดินผสมเราเริ่มจะลดต่ำลงเมื่อเวลาผ่านไปหลายๆ เดือน ดินขุยไผ่จะมีเชื่อราเขียว หรือไตรโครเดอร์ม่า ที่สามารถป้องกันกำจัดโรครากเน่าโคนเน่าได้

เท่าที่เขียนให้อ่านมาถ้าหากสงสัยประการใด ก็สอบถามหรือแสดงความเห็นใต้โพสต์นี้ได้ ยินดีให้คำแนะนำเพิ่มเติม มะนาวปลูกเอง รดน้ำเอง ดูแลรักษาเอง ก็จะช่วยให้ท่านมีกิน แล้วมีความสุข มีความภาคภูมิใจว่าเราก็ทำได้นะ เพื่อนบ้านผ่านมาเห็นมะนาวติดลูกเต็มต้นก็แบ่งปันกันไปกิน ต่างก็มีความสุข ทั้งผู้ให้และผู้รับ มะนาวต้นเดียวก็มีความสุขได้นะจะบอกให้