วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2563
วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2563
ติดตามการจัดเวทีชุมชนงานส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่ จังหวัดชลบุรี
วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2563
สสก.3 ระยอง ถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรเรื่องโรคพืชและการขยายและใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า
วันที่ 12 มิถุนายน 2563 นายดำรงค์ฤทธิ์ หลอดคำ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง มอบหมายให้นายณัทธร รักษ์สังข์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรในโครงการส่งเสริมการผลิตไม้ผลและพืชเศรษฐกิจจังหวัดระยอง กิจกรรมการผลิตเชื้อไตรโคเดอร์ม่าในข้าวเปลือกแก่เกษตรกร ณ ศาลเอนกประสงค์ หมู่ที่ 1 ตำบลห้วยยาง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เกษตรกรเป้าหมาย 20 ราย โดยบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อวิชาการรู้จักโรคพืช การผลิตเชื้อจุลินทรีย์ควบคุมเชื้อสาเหตุโรคพืชโดยใช้สารเร่งซุปเปอร์ พด.3 การใช้สารชีวภัณฑ์กำจัดโรคพืช และฝึกปฏิบัติการผลิตเชื้อไตรโคเดอร์ม่าในข้าวเปลือก เกษตรกรที่เข้ารับการอบรมครั้งนี้สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในสวนของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2563
เกษตรภาคตะวันออกแจ้งเตือนชาวสวนทุเรียนระวังโรครากเน่าโคนเน่า
![]() |
นายดำรงฤทธิ์ หลอดคำ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง |
เตือนเกษตรกรชาวสวนทุเรียนในภาคตะวันออก ให้เฝ้าระวังการระบาดของโรครากเน่าโคนเน่าทุเรียน เนื่องจากเริ่มเข้าฤดูฝน มีการเข้าทำลายของโรครากเน่าโคนเน่าในหลายพื้นที่ และด้วยสภาพอากาศในช่วงนี้มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง มีความชื้นสูง ดินชื้นแฉะตลอดเวลา ซึ่งเป็นปัจจัย
สำคัญที่ทำให้เกิดการทำลายของโรครากเน่าโคนเน่า ซึ่งมีเชื้อราเป็นสาเหตุ ดังนั้น ขอให้เกษตรกรชาวสวนทุเรียนสำรวจ
สวนอย่างสม่ำเสมอ หากพบอาการของโรคให้รีบแจ้งศูนย์การจัดการศัตรูพืชชุมชน หรือสำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัดในพื้นที่ เพื่อกำหนด
แนวทางการควบคุม และดำเนินการป้องกันกำจัดทันที
เชื้อสาเหตุ เชื้อรา Phytophthora palmivora
ลักษณะอาการ เชื้อราสาเหตุสามารถเข้าทำลายได้ทุกส่วนของต้น ได้แก่ ใบ กิ่ง ลำต้น ดอก ผล และระบบราก อีกทั้งเชื้อราจะอาศัยอยู่ในดินด้วย อาการส่วนบนของต้นทุเรียนที่เป็นโรค ใบปลายกิ่งสีซีด เหี่ยวลู่ลงใบด้านสลด และไม่เป็นมัน ใบเริ่มมีสีเหลืองและร่วง เมื่อขุดดูที่รากฝอยจะเปื่อยยุ่ย มีสีน้ำตาล และหลุดง่าย หากเป็นรุนแรงจะเน่าลามไปยังรากแขนงและ
โคนต้น ทำให้ต้นโทรมและยืนต้นตาย บริเวณกิ่ง ลำต้นโคนต้นเน่า เริ่มแรกใบเหลืองบางกิ่ง จะเห็นคล้ายคราบน้ำบนผิวเปลือก ช่วงอากาศแห้งถ้าใช้มีดถาก บริเวณคราบน้ำ จะพบเนื้อเยื่อเปลือกและเนื้อไม้เป็นแผลสีนำตาล และแผลลุกลาม
ขยายใหญ่จนรอบโคนต้น ทำให้ใบร่วงจนหมดต้นและยืนต้นแห้งตาย ใบเน่า ใบจะช้ำดำตายนึ่งคล้ายถูกน้ำร้อนลวก และ
ใบไหม้แห้งคาต้นอย่างรวดเร็ว
การแพร่กระจาย
เชื้อราสาเหตุโรคถูกชะล้างโดยน้ำฝนและไหลตามกระแสน้ำหรือเชื้อราถูกพัดพาโดยกระแสลม หรือเชื้อราอาจ
ติดไปกับดิน น้ำ ซากหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของพืชที่เป็นโรค จะพบมากในช่วงฝนตกรุนแรงต่อเนื่องหลายวัน
การป้องกันกำจัด สำนักงานส่งเสริมและพัฒนากาเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง ขอแนะนำวิธีการป้องกันกำจัด ดังนี้
- สำรวจสวนผลไม้อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
- บำรุงต้นให้สมบูรณ์แข็งแรง
- ปรับปรุงสภาพดิน โดยใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ทำร่องระบายน้ำในสวนที่เป็นพื้นที่ต่ำ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังภายในสวน
- ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา หว่านในพื้นที่รัศมีทรงพุ่มที่มีรากฝอยอยู่ หรือใช้รองก้นหลุมก่อนปลูก หากพบอาการ ของโรคในเบื้องต้น
- ตัดแต่งกิ่ง หรือลำต้นที่เป็นโรคไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก
- ฉีดด้วยสารฟอสโฟนิก แอซิด 40 % เอสแอล ผสมน้ำสะอาด อัตรา 1 : 1 ใส่กระบอกฉีดยาฉีดเข้าลำต้น หรือ กิ่งในบริเวณตรงข้ามอาการของโรคหรือส่วนที่เป็นเนื้อไม้ดีใกล้บริเวณที่เป็นโรคอัตรา 20 มิลลิลิตรต่อต้น ทุก 30 วัน
- ถ้าจำเป็นต้องใช้สารเคมีพ่นให้ทั่วทรงพุ่ม ใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืชฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม 80% ดับเบิ้ลยูพีอัตรา 30 - 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 7 วัน ใช้สลับกับสารเมทาแลกซิล 25% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30 - 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร กรณีโรคเข้าทำลายไม่รุนแรง
- ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาหว่านส่วนผสมเชื้อสดให้ทั่วบริเวณใต้ทรงพุ่มจนถึงรอบชายพุ่ม อัตรา 50 - 100 กรัม ต่อตารางเมตร
- ใช้เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซับทีลิส ฉีดเข้าในโคนต้นทุเรียนอัตรา 20 มิลลิลิตร ต่อน้ า 20 มิลลิลิตร ต้นละ 3 จุด 1 ครั้ง
- กรณีมีแผลทำลายที่ลำต้น ให้ลอกเปลือกต้นทุเรียนบริเวณที่เป็นโรคออกแล้วทาด้วยผงเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซับทีลิส อัตรา 1 กิโลกรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร โดยจะต้องผสมสารจับใบ อัตรา 5 ซีซีต่อน้ า 20 ลิตร และราดดินบริเวณโคนต้นด้วยผงเชื้อ อัตรา 200 กรัม ต่อน้ำ 2 ลิตร ต่อต้น โดยลอกเปลือกและราดดินซ้ำ รวม 4 ครั้ง กรณีโรคเข้าทำลายรุนแรง หรือจะทาด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช ทุก 7 วัน จนกว่าแผลจะแห้ง ดังนี้ ฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 80 - 100 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร หรือ หรือสารเมทาแลกซิล 25% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 80 - 60 กรัม ต่อนน้ำ 1 ลิตร หรือสารเมทาแลกซิล+แมนโคเซบ 65% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 100 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร
- หากพบใบเหลืองทั้งต้น ให้ราดดินด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช ดังนี้ - ฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30 - 50 กรัม ต่อน้ า 20 ลิตร หรือ - สารเมทาแลกซิล 25% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30 - 50 กรัม ต่อน้ า 20 ลิตร โดยร่วมกับการใช้ฟอสโฟนิก แอซิด 40% เอสแอล ผสมน้ าสะอาด อัตรา 1 : 1 ใส่กระบอกฉีดยาแล้วฉีดเข้าลำต้น
- ถ้าพบกิ่งแห้งที่มีรอยเจาะทำลายของมอด ให้ตัดไปเผาไฟทิ้ง
ณัทธร รักษ์สังข์
นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ
กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง
วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2563
สสก.3 ระยอง เยี่ยมประสานการผลิตหัวเชื้อราไตรโคเดอร์มา
วันที่ 4 มิถุนายน 2563 นายดำรงฤทธิ์ หลอดคำ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง มอบหมายให้นายณัทธร รักษ์สังข์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ และนายวัลลภ จันทร์งาม นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ออกเยี่ยมและประสานงานการดำเนินงานโครงการผลิตหัวเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าเพื่อสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนภาคตะวันออก ณ ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืชจังหวัดชลบุรี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อวัสดุสำหรับดำเนินงานตามโครงการฯ คาดว่าจะสามารถผลิตหัวเชื้อไตรโคเดอร์ม่า จำนวน 2,000 ขวด ส่งมอบให้จังหวัดในภาคตะวันออก ไปแจกจ่ายให้ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนขยายเชื้อพร้อมใช้ ส่งมอบเกษตรกรชาวสวนทุเรียน นำไปใช้ป้องกันกำจัดโรครากเน่าโคนเน่าของทุเรียนได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2563
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)